วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กว่าจะเป็นไอดอลเกาหลี ที่ได้รับความนิยม

         



ผู้นำกระแส K-POP
          เมื่อพูดถึงไอดอล หรือศิลปิน หรือนักร้องเกาหลี หลายคนคงรู้จัก เคยได้ยินกันมามากพอสมควร เพราะในขณะนี้ ศิลปินเกาหลีนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งเอเชีย กระทั่งขยายวงกว้างไปจนถึงฝั่งยุโรปเลยทีเดียว และถ้าพูดถึงศิลปินที่เป็นผู้นำกระแส หรือเป็นกลุ่มไอดอลที่ทำให้วงการไอดอลเกาหลีเริ่มเป็นที่รู้จัก นั่นก็คงจะหนีไม่พ้น เรน นักร้องที่ทั้งร้องและเต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากค่ายเจวายพี ศิลปินบอยกรุ๊ปที่ในขณะนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก อย่าง ดงบังชินกิ และซุปเปอร์จูเนียร์ เจ้าของเพลง Sorry Sorry ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากค่ายเอสเอ็ม และเมื่อพูดถึงฝั่งเกิร์ลกรุ๊ป ก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Wonder Girls เจ้าของเพลง Nobody ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง อีกทั้งยังมีท่าเต้นที่เป็นเอกลักษณ์เต้นตามได้ และอีกวงที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ Girls Generation เป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เดบิวต์หลัง Wonder Girls ไม่กี่ปี พวกเขาเหล่านี้เปรียบเสมือนผู้ปูทางให้วงการ K-pop ได้เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน ทำให้วงรุ่นใหม่ที่พึ่งเดบิวต์เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น
          หลายคนคงคิดว่าการเป็นไอดอลเกาหลีนั้นง่าย แค่มีหน้าตาที่ดี ก็สามารถเป็นได้ นั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด! เพราะพวกคุณได้เห็นแค่แง่มุมการแสดงที่ดูดี ดูหล่อ การเต้นที่เพอร์เฟค และไอดอลเกาหลีแต่ละคนต่างมีภาพลักษณ์ที่ดี บุคลิกดี รูปร่างหน้าตาดูดีไปหมด เลยทำให้ผู้คนหลงใหลได้ง่ายๆ แต่คุณไม่รู้หรอก ว่ามันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ติดตามพวกเขาอย่างจริงจังแล้วล่ะก็ จะไม่มีทางรู้เลยว่าเส้นทางการเป็นไอดอลเกาหลีมันยากลำบากแค่ไหน ในบทความนี้เราจึงนำเสนอเรื่องราว และขั้นตอน กว่าจะเป็นไอดอลเกาหลีที่ได้รับความนิยมนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง


 การออดิชั่นของค่ายวายจี ที่ประเทศไทย

เริ่มจาก การออดิชั่น
          การออดิชั่น คือขั้นตอนการคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติและศักยภาพพอที่จะมาเป็นไอดอลได้จะเรียกคนเหล่านี้ที่ผ่านการคัดเลือกว่าเด็กฝึกหัด ในบริษัทเพลงต่างๆ จะมีเด็กฝึกหัดเพื่อเตรียมการในการเดบิวต์เป็นไอดอลในอนาคต ซึ่งจะมีเกณฑ์แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท การออดิชั่นนั้นจะมีกำหนดการออดิชั่นในแต่ละครั้งแล้วแต่กำหนด ผู้คนที่สนใจสามารถสมัครได้โดยมีการจำกัดอายุ ผู้ที่มาสมัครนั้นอาจมาสมัครด้วยความสนใจของตนเองหรือจากการชักชวนจากผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้ และมองเห็นความสามารถในตัวคนผู้นั้นก็เป็นได้ บริษัทเพลงหรือค่ายเพลงต่างๆจะเปิดออดิชั่นทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ โดยมีกรรมการที่มีความชำนาญมาเป็นผู้ตัดสิน ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นทางด้านความสามารถเสมอไป แต่ผู้ที่มีแววและผู้ที่กรรมการเห็นว่าสามารถพัฒนาได้ต่อไปในอนาคตก็สามารถผ่านการคัดเลือกได้เช่นกัน ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะมีสิทธิ์ได้เซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายเพลงนั้นๆ


TOP จากวง BIGBANG ตอนเป็นเด็กฝึกหัด

ขั้นที่สอง เด็กฝึกหัด
          นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความลำบากของจริง! คนที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบออดิชั่น หรือการชักชวนให้มาเป็นเด็กฝึก(กรณีนี้ต้องเป็นเด็กที่ฉายแววเก่ง จากการประกวดรายการต่างๆ) จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆระหว่างการเป็นเด็กฝึกหัดเองครึ่งหนึ่ง หรือแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท และจะต้องย้ายเขาหอพักมารวมกับเด็กฝึกหัดคนอื่นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการมาฝึกในทุกๆวัน นอกจากนี้แล้วยังต้องปฏิบัติตามกฎของบริษัท เช่น ห้ามออกไปข้างนอกในยามวิกาล ปรับรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ ต้องฝึกภาษาเกาหลีในกรณีเป็นเด็กฝึกหัดที่มาจากต่างชาติ การเป็นเด็กฝึกหัดนั้น แทบจะไม่มีเวลาพักเลย พวกเขาต้องฝึกตามโปรแกรมที่บริษัทนั้นๆวางแผนไว้ นั่นคือฝึกวันละประมาณ 8-10 ชั่วโมงเลยทีเดียว และจะมีการประเมินผลความคืบหน้าอยู่เสมอ ถ้าคนไหนไม่มีความคืบหน้าทางความสามารถ หรือพัฒนาได้ช้ากว่าคนอื่นก็มีสิทธิ์โดนปลดออกจากการเป็นเด็กฝึกหัดได้เช่นกัน นี่คือการวัดใจ ถ้าไม่มีความอดทน มุ่งมั่น พยายาม ทุ่มเท อย่างเต็มที่เพื่อความฝันในการเป็นไอดอล ก็จะถอดใจได้ง่ายๆจากขั้นตอนนี้
          การเป็นเด็กฝึกในบริษัทเพลงต่างๆ นั้น ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าจะได้เดบิวต์เป็นไอดอล บางคนเป็นเด็กฝึกมานาน กว่า 5 ปี บางคนเป็นเด็กฝึกนานถึง 10 ปี อย่างเช่น โจควอน 2 AM และด้วยเพราะเหตุนี้ทำให้เด็กฝึกหลายต่อหลายคนถอดใจ ย้ายไปบริษัทที่ฝึกลำบากน้อยกว่า เพราะถ้าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงจะมีมาตรฐานในการฝึกเด็กสูงมากเช่นกัน หรือย้ายไปบริษัทที่ทำเพลงแนวที่ถนัดมากกว่า เช่น Hyunseung วง Beast ที่เคยเป็นเด็กฝึกค่าย YG แต่เขาแพ้ในรายการแข่งขันเพื่อเดบิวต์เป็น BIGBANG จึงย้ายไปเป็นเด็กฝึกค่าย CUBE และเดบิวต์เป็นไอดอล วง Beast และบางคนก็ลาออกจากการเป็นเด็กฝึก เพราะอนาคตของเด็กฝึกหัดนั้นไม่มีความแน่นอนเลย หลายคนล้มเหลวจากขั้นตอนนี้และเสียเวลาในช่วงวัยเรียนไปอย่างน่าเสียดาย  
          ปัจจุบันนี้หลายค่ายเพลง เช่นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีอย่าง SM, JYP, YG, หรือค่ายเพลงที่เกิดทีหลังอย่าง Starship, CUBE นิยมทำรายการแข่งขันเพื่อคัดเลือกเด็กฝึกหัดจากค่ายเพลงของตน นอกจากจะเป็นการคัดเลือกที่เข้มงวดแล้ว เด็กฝึกยังจะได้ฝึกตัวเองอย่างก้าวกะโดดซึ่งเป็นผลดีของวงใหม่ในอนาคต โดยการแข่งขันจะมีสไตล์การแข่งขันแตกต่างกันไปตามคอนเซ็ปที่อยากให้วงใหม่เป็น การตัดสินจะใช้กรรมการที่มีความชำนาญ คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมต่อคอนเซ็ปของวง ผู้ที่ชนะจะมีจำนวนตามที่กำหนดไว้ของรายการนั้นๆ และจะมีโอกาสได้เดบิวต์ เป็นไอดอลในชื่อวงต่างๆ ตามที่ค่ายกำหนด เช่น รายการ WHO IS NEXT : WIN ผู้ชนะจะได้ชื่อวงว่า WINNER(5 คน), MIX & MATCH ผู้ชนะจะได้ชื่อวงว่า IKON(7 คน) เป็นรายการแข่งขันจากค่ายวายจี ออกอากาศช่อง MNET  
          เมื่อได้ผู้ชนะแล้ว หรือได้เด็กฝึกที่ได้รับการวางตัวว่าจะได้เดบิวต์ จะมีช่วงเวลาเตรียมตัว ฝึกร้องฝึกเต้นอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวในการเดบิวต์ ลบข้อบกพร่องต่างๆ ทั้งด้านความสามารถและรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ ฝึกการแสดงบนเวที การเอนเตอร์เทนคนดู ฝึกตอบคำถาม การวางตัวต่อหน้าสื่อ หรือสาธารณะ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะได้เดบิวต์อย่างป็นทางการ


เวทีเดบิวต์ของวง WINNER

ขั้นตอนที่สาม การเดบิวต์เป็นไอดอล
          ขั้นตอนนี้นับเป็นความสำเร็จ ของการเป็นเด็กฝึกหัด แต่ในฐานะไอดอลขั้นตอนนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น เป็นโอกาสที่จะช่วงชิ่งความนิยม ความเป็นกระแส ความเป็นที่น่าจดจำ เพื่อทำความรู้จักกับแฟนเพลงและเป็นการลองเชิงว่าจะได้ผลตอบรับอย่างไร แนวเพลงเป็นที่ชื่นชอบหรือไม่ขั้นตอนนี้การโปรโมทเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าได้เดบิวต์ภายใต้ค่ายเพลงที่มีชื่อเสียง มีทุนในการโปรโมทสูง หรือเป็นวงที่เดบิวต์จากการแข่งขัน ยิ่งได้เปรียบ เพราะมีคนรู้จักและมีฐานแฟนคลับอยู่แล้วในระดับหนึ่ง การโปรโมทก็จะเริ่มจาก การปล่อยภาพทีเซอร์ ปล่อยเอ็มวีทั้งทีเซอร์และตัวเต็ม หลังจากนั้นก็จะออกทำการแสดงในรายการเพลงต่างๆ ในแต่ละช่อง ไปรายการวิทยุ สัมภาษณ์ลงหนังสือ นิตยสารต่างๆ หรือออกรายการวาไรตี้ ออกงานอีเวนต์ แฟนมีตติ้งต่างๆ รวมทั้งการจัดคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศ การโปรโมทต่างๆนี้ไม่ใช่ว่าจะได้รับสิทธิ์นี้ทุกวง ส่วนใหญ่จะเป็นค่ายใหญ่ ทุนหนา ถึงจะมีการโปรโมทมากมายขนาดนี้ เพราะฉะนั้นกลุ่มศิลปินที่เดบิวต์ภายใต้ค่ายเพลงเล็กๆ จะมีสิทธิ์เป็นที่นิยมและได้รับการรู้จักจากแฟนเพลงน้อยกว่า แต่ถ้ามีการวางแผนวางคอนเซ็ปของวง วางคอนเซ็ปแนวเพลง และทำเพลงออกมาถูกใจผู้ฟัง หรือผู้คนส่วนใหญ่ ก็อาจจะได้รับความสนใจไม่แพ้วงที่มาจากค่ายใหญ่เลยทีเดียว ขั้นตอนนี้ไอดอลที่พึ่งเดบิวต์แทบจะไม่มีเวลาพักเลยล่ะ เพราะต้องต่อสู้แย่งชิงพื้นที่สื่อให้ได้มากที่สุด สิ่งที่ต้องรับผิดชอบอีกอย่างของการเป็นไอดอลคือการปฏิบัติตามกฎห้ามเดท(ห้ามมีแฟน) เพราะจะส่งผลกระทบต่อความนิยมในตัวไอดอลเอง


BAMBAM & Jr. จากวง GOT7 เป็น MC  ที่รายการ M Countdown

ขั้นที่สี่ พยายามอย่างหนักเพื่อให้โดดเด่นในวงการเพลง
          ขั้นตอนนี้ก็ยังคงต้องอยู่กับความพยายาม ทุ่มเท อีกเช่นเคย โดยการทำเพลงให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มีท่าเต้นที่น่าสนใจ เป็นเอกลักษณ์ วางคอนเซ็ปแปลกใหม่ให้แตกต่างกว่าที่เคยทำ หลายวงโชคดีที่สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของค่ายเพลง ศิลปินมีหน้าที่ฝึกอย่างหนักเพื่อความเป็นมืออาชีพ และเกิดข้อผิดพลาดในการแสดงน้อยที่สุด แต่ก็ยังมีอีกหลายวง เช่น บิ๊กแบง ที่ทำเพลงเอง ในบางครั้งก็คิดท่าเต้นเอง และเป็นโปรดิวเซอร์เพลงเอง ปัจจุบัน นักร้องจากหลายๆ วง พยายามแต่งเพลงด้วยตนเอง เพราะมันจะแสดงถึงศักยภาพและความสามารถที่มีมากกว่าวงอื่นๆ และการกลับมาในอัลบั้มเพลงใหม่ หรือการคัมแบ็คในแต่ละครั้งนั้น จะต้องสร้างความแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ชม จึงจะเป็นกระแสอยู่ได้ตลอด หลายวงเลยทีเดียวที่ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องยุบวงไป


G-Dragon โปรดิวเซอร์เพลง Love Dust

ขั้นสุดท้าย พยายามทุ่มเทกับการเป็นไอดอลให้อยู่ได้นานที่สุด         
          ชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่ด้วยตลอดไป เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งฝึกการร้องการเต้นให้ดียิ่งๆขึ้นไป สรรหาแนวเพลงใหม่ๆ เพื่อความแตกต่าง เพิ่มความสามารถในด้านอื่นๆ เช่น การทำงานเบื้องหลัง แต่งเพลงเอง คิดคอนเซ็ปเพลง รวมถึงคอนเซ็ปการโปรโมท อีกทั้งการแสดง การเป็นพิธีกร เป็นดีเจคลื่นวิทยุ เพื่อจะได้ออกสื่อให้ได้มากที่สุด เป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัว เพื่อไม่ให้ผู้คนลืม รวมถึงรักษาภาพลักษณ์การเป็นไอดอลให้ดูดีอยู่เสมอ ทั้งรูปร่างหน้าตา การแสดงออก ระวังไม่ให้มีข่าวเสียหาย ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังคงต้องพยายามให้ดีที่สุดอยู่ตลอด จนกว่าการเป็นไอดอลนี้จะสิ้นสุดลง
         

กว่าจะเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเค้ายังคงต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจตั้งแต่ต้นไปจนกว่าการเป็นไอดอลนั้นจะสิ้นสุดลง แต่การเป็นไอดอลก็ไม่ได้มีแต่ความลำบากเสมอไป ในระหว่างนี้พวกเขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย และได้รับความรักจากแฟนคลับที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้พวกเขาก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ และแน่นอนพวกเขาได้รับค่าตอบแทนมากมาย พอที่จะทนความเหน็ดเหนื่อยนี้ไปได้ ไอดอลหลายคนที่ประสบความสำเร็จ จนยกระดับฐานะทางสังคมได้อย่างมาก เมื่อเทียบจากตอนที่ยังไม่เป็นไอดอล และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นเหมือนอีกหนึ่งกลุ่มคนที่เป็นตัวอย่างของความพยายาม ทุ่มเท อดทน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทำความฝันให้เป็นจริง และเป็นแรงบันดาลใจ เป็นแบบอย่างให้ผู้คนอีกมากมาย ที่มีความฝันเดียวกัน ให้พยายามทำความฝันให้สำเร็จดังเช่นที่พวกเขาได้ทำสำเร็จมาแล้วนั่นเอง


ขอบคุณรูปภาพจาก
- Facebook YG FAMILY
https://www.facebook.com/ygfamily?fref=ts
- Facebook SM TOWN
https://www.facebook.com/smtown?fref=ts
ขอบคุณวิดีโอจาก 
- YOUTUBE WINNER
https://www.youtube.com/user/OfficialYGWINNER
- YOUTUBE YG ENTERTAINMENT
https://www.youtube.com/user/YGEntertainment
- YOUTUBE MNET
https://www.youtube.com/user/Mnet
ขอบคุณข้อมูลจาก
becteromusic
http://www.becteromusic.com/index.php?module=news&id=676
http://www.becteromusic.com/news/เจาะลึกเส้นทางก่อนจะ มาเป็นศิลปินของ_taeyang_พร้อมเผยถึงประสบการณ.html
kapook 
http://musicstation.kapook.com/view16977.html
- Facebook
https://www.facebook.com/permalink.php?id= 562101890496556&story_fbid=253108121530962